Hokkaido Summer 2019 : ฮอกไกโดหน้าร้อน 2562
Period : 29 Jul - 6 Aug 2019 (8Days 7Nights)Route line : Sapporo - Otaru - Furano - Hakodate
✈️ การเดินทางในครั้งนี้เราอยากไปสัมผัสกับทุ่ง lavender ในฤดูร้อนที่ Hokkaido และที่สำคัญลิ้มรสกับผลไม้ต่างๆโดยเฉพาะ Melon ที่เราชื่นชอบ นี่เป็นครั้งแรกในการไปเยือนเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่น และเป็นครั้งแรกในการขับรถเที่ยวเอง ซึ่งก็ตื่นเต้นพอควร แต่เราก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อให้การเดินทางของเราราบรื่นอย่างที่สุด แต่ถึงจะเตรียมตัวดีแค่ไหนความผิดพลาดก็เกิดได้เสมอ นี่คือเสน่ห์ที่เราหลงใหลกับการเดินทางเที่ยวด้วยตัวเราเอง... ☀️อากาศในช่วงนี้ร้อนในตอนกลางวัน แต่กลางคืนกับเช้าๆอากาศเย็นสบาย แต่งตัวเหมือนอยู่บ้านเราได้เลยครับ สูงสุด 30 oC การเดินทางระหว่าง 4 เมืองนี้อยู่ห่างไกลกันมาก โดยเฉพาะ Hakodate ถ้าไม่วางแผนเรื่องการเดินทางดีๆงบบานปลายแน่นอน แนะนำครับ Hokkaido Rail Pass ดีที่สุดครับ ครอบคลุมการเดินทาง กี่เที่ยวก็ได้ และสามารถจองที่นั่งได้ทุกสายรถไฟที่เป็นของ JR โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ แค่ไปกลับ Hakodate นี่ราคาเกินครึ่ง pass ไปแล้วครับ ราคา 24,000Y/p (ผมใช้เต็มที่แบบ 7 days ถ้าวันลดลงราคาก็ลดลงครับ) ผมซื้อ voucher จาก H.I.S tour ครับ เพราะมีส่วนลดเยอะสามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้ครับ แล้วค่อยไปเปลี่ยนเป็นบัตรจริงที่ญี่ปุ่น เดินทางเองด้วยรถไฟที่ญี่ปุ่น ลองสักครั้งแล้วจะตกหลุมรักเอาง่ายๆครับ♥️
การเตรียมตัวของเราก่อนเดินทาง..........
- แผนการเดินทาง ควรต้องวางไว้ล่วงหน้าก่อนเลยว่า จุดหมายคือที่ไหน เราจะสามารถวางแผนเรื่องที่พัก และการเดินทางทุกอย่างได้ครับ แนะนำมีแผนดีกว่าไม่มีแผนครับ แผนเราเป็นแบบนี้ครับ
30-Jul : New Chitose Airtport - Sapporo
31-Jul : Sapporo - Asahikawa
01-Aug : Asahikawa - Furano - Asahikawa (ขับรถเที่ยวเอง)
02-Aug : Asahikawa - Sapporo - Hakodate
03-Aug : Hakodate
04-Aug : Hakodate - Sapporo - Otaru
05-Aug : Sapporo
06-Aug : กลับ Thailand Flight เช้า
31-Jul : Sapporo - Asahikawa
01-Aug : Asahikawa - Furano - Asahikawa (ขับรถเที่ยวเอง)
02-Aug : Asahikawa - Sapporo - Hakodate
03-Aug : Hakodate
04-Aug : Hakodate - Sapporo - Otaru
05-Aug : Sapporo
06-Aug : กลับ Thailand Flight เช้า
- Hokkaido Rail Pass ที่ซื้อมาจากไทย เข้าไปแลกพาสจริงใน JR office ในสนามบิน ให้เจ้าหน้าที่แค่นี้ก็ได้บัตรมาแล้ว เราก็เลยจองที่นั่ง Reserved seat สำหรับเข้า Sapporo ไปทีเดียวเลยครับ (ฟรีไม่ต้องเพิ่มเงินใดๆ) แล้วก็สาารถผ่านเข้า JR ได้เลยโดยไม่ต้องสอดบัตร เพียงแค่ยื่นให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีดูเท่านั้น คือดีมาก......จริงๆแล้ว Pass นี้สามารถซื้อได้ที่ตัวแทนหลายเจ้าในไทย แต่เราซื้อกับ H.I.S เพราะช่วงนี้มีโปรโมชันครับ ซื้อตามงานท่องเที่ยวก็ได้ครับได้ลดเยอะพอสมควรครับ ใครมาเทียวญี่ปุ่นแล้วต้องเดินทางระหว่างเมืองด้วยรถไฟ แนะนำครับซื้อมาเถอะ การเดินทางจะประหยัดมากครับ
1. 3 days = 16,500Y
2. 5 days = 22,000Y
3. 7 days = 24,000Y
4. Flexible 4 days = 22,000Y
- 🧢🚶🎒 การเดินทาง
🚄 New Chitose Airport ➡️ JR Sapporo : ขบวนรถ Airport Rapid Train
🚄 JR Sapporo ➡️ JR Asahikawa : ขบวนรถ LTD EXP Kamui
▪️เที่ยวชมดอกไม้ 🍃💐🌻🌹🍈🌽🍦
🚙 Asahikawa ➡️ Furano ➡️ Biei : ขับรถเที่ยวเอง เช่ารถของ Nippon Rent a Car ผ่านทางตัวแทนในไทย Intouch Rental Car แนะนำดี สบายใจ หายห่วงครับ ผมเช่า รุ่น Honda N-Cube 600 cc. ขับเรื่อยๆไม่เกิน 50 km สนุกดีครับ และราคาก็ประหยัดดีครับ ราคารวมประกันที่ครอบคลุม ราคา ประมาณ 2,900฿ หน้าร้อนที่ Hokkaido ราคาสูงมากครับ
🚄 JR Sapporo ➡️ JR Hakodate : ขบวนรถ LTD EXP Super Hokuto
🚞 JR Sapporo ➡️ JR Otaru : ขบวนรถAirport Rapid Train
- 🏨🛌 ที่พัก (หน้าร้อน ราคาจะสูงขึ้นมากครับ)
Sapporo : Apa Hotel Susukino Ekimae ~2,600฿ ข้างล่างมี Lawson
Apa Hotel Susukino ~2,600฿ ห้องกว้างมาก
Asahikawa : Hotel Premier Cabin Asahikawa ~2,600฿ มีอาหารเช้าอร่อยและมีให้เลือกหลากหลาย และที่สำคัญใกล้แหล่ง shopping หลายที่ในละแวกนั้นครับ
Hakodate : Smile Hotel ~2,900฿ อยู่ตรงข้าม JR Hakodate เลยครับ
- 📱Application นำทางที่แนะนำเลยครับ TABIMORI และเว็บไซต์ Hyperdia สองอันนี้เอาอยู่เลยครับ เอาไว้ดูรอบรถไฟ และสถานที่ที่เราจะไป แค่นี้ก็อยู่รอดแล้วครับ
ครั้งนี้เราไปกับสายการบิน Air Asia เครื่องบินตอน 11:55 p.m. เราก็เลยมาฝากท้องและนั่งรอที่ Lounge ของ King Power ก่อนที่ gate จะเปิด
@Day#1 : ตะลุย Sapporo
แล้วก็มาถึงที่ New Chitose Airport เวลาประมาณ 8:30 a.m. ก็ออกมาจาก ตม.ก็เจอแมวเหมียวสีฟ้า มาต้อนรับเลย แอบแชะภาพหน่อยครับ
นำ Voucher Hokkaido Rail Pass ที่ซื้อมาจากไทย เข้าไปแลกพาสจริงใน JR office ในสนามบิน ให้เจ้าหน้าที่แค่นี้ก็ได้บ ัตรมาแล้ว เราก็เลยจองที่นั่ง Reserved seat สำหรับเข้า Sapporo
ย่าน Tanukikoji เป็นแหล่ง shopping ที่ใหญ่ใน Sapporo คล้ายๆกับที่ Dotonburi ที่ Osaka และ Otsu ที่ Nagoya ร้านขายของฝาก แฟชั่น และร้านอาหารเยอะมากมายครับ คิดอะไรไม่ออกเดินดูสักพักก ็ได้ของติดไม้ติดมือกลับมา. ..
ร้าน WEGO อยู่ใน Tanukikoji เป็นร้านเสื้อผ้าแนวแฟชันของวัยรุ่นญี่ปุ่น เข้าไปมีแต่หนุ่มๆ สาวๆ วัยรุ่นทั้งนั้นเลย ราคาไม่ได้แพงมาก แล้วแต่ความชอบเลยครับ
ร้านเสื้อผ้าอีกร้าน จำชื่อไม่ได้ อยู่ถัดออกมาจาก Tanukikoji Block1 นิดนึงเป็นร้านเสื้อผ้าแนวแ
ถ้าใครวางแผน shopping ขอ set เอาที่นี่ไว้เป็นวันสุดท้ายของโปรแกรมไปเลยครับ...
🍚🥢อ่านรีวิวเรื่องของกินมาหลา
ดูยิ่งใหญ่และสวยงามผสมผสาน
เดินไปไม่ไกลจากสวน Odori ขึ้นไปทาง JR Sapporo จะพบกับสถานที่นี้ มีความเก่าแก่และดูมีมนต์ขล
มุมเล็กๆในสวนที่ดูมีมิติแล ะแสดงความรู้สึก ดูแล้วมีความสุขจัง
ถ้าใครมาเที่ยวช่วงหน้าร้อน
ทุกมุมของสวนสาธารณะนี้ มันดูดีจริงๆ
อีกกิจกรรมนึงที่สนุกสนานใน
อีกหนึ่งความเก๋ไก๋ของญี่ปุ
ฝากท้องเอาไว้หลายครั้งกับข
ให้เริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้า
ความตื่นเต้นรออยู่ตรงหน้าแ
ใครเคยดูหนังเรื่อง Chocolate Factory นี่อารมณ์ประมาณนั้น แต่ของจริงไม่น่ากลัวนะครับ
ซื้อบัตรเข้าชมกันหน่อยครับ ...600Y
นี่ไงไลน์ผลิตของอร่อยของเร า
ผลิตไปได้เยอะแล้วนะนี่วันน
มีมุมสนุกสนานให้เด็กๆได้เล ่นกันด้วย
มุมห้องโถงยอดฮิตที่ต้องยกก ล้องขึ้นมาแชะ
โดนของหวานกันสักนิด
เก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อ ยครับ...กาลครั้งหนึ่งที่ Ishiya
จบกันไปกับวันแรกของการเดินทาง ก่อนจะไปลุยทุ่ง Lavender และภูเขาสายรุ้งกันต่อไป...
@Day#2 : ไปตั้งหลักกันที่ Asahikawa ก่อนไปลุย Furano
At Tomita Farm, Furano ▪️Blue Pond▪️Shikisai no Oka, Biei
At Tomita Farm, Furano ▪️Blue Pond▪️Shikisai no Oka, Biei
📝ครั้งนี้เป็นการขับรถครั้งแรกในญี่ปุ่น มีความรู้สึกตื่นเต้นปนกับความกังวลและกลัวอยู่นิดๆ อ่านรีววิวและข้อกฎจราจรมาบางส่วน ไม่เท่ากับการขับจริงๆ😰 เตรียมทำใบขับขี่สากลไปด้วยครับ 505 บาท ทำได้ที่ขนส่ง ใช้เวลาไม่นานครับ รถรุ่นที่เราใช้คือ Honda N-Cube 600cc. ใช้อารมณ์การขับที่ไม่เหมือนบ้านเรา...แบบนี้แหละที่ต้องการ GPS ก็ใช้ง่ายเพราะเราแจ้งขอเป็น English version มี Map code ของสถานที่นั้นๆก็สบายครับ ครับตาม GPS ได้เลยไม่ลงทุ่งแน่นอน สังเกตได้ว่ารถที่ผ่านและตามกันมาขับแบบระมัดระวังกันมาก ป้ายสีเหลืองกันหมด เพราะข่าวรถชนที่ Furano 4 คันรวดเพิ่งเกิดแบบสดๆร้อนๆเลยต้องระมัดระวังสุดๆ ขับไปเรื่อยๆในเมือง 40 km. นอกเมือง 50 km. ทำตามกฏระเบียบเค้าดีที่สุดครับ
ขับไปเรื่อยๆวิวสองข้างทางมีการปลูกข้าวโพด ดอกไม้ พืชชนิดต่างๆมากมาย สวยงามมากๆ พอเข้าเขต 🌷🌻🌼🌳Biei และ Furano จะเริ่มมีสวนดอกไม้ข้างทางมาให้เห็น อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักเราคือ Tomota Lavender Farm เป็นที่แรก ที่อื่นๆค่อยว่ากันเพราะเวลาเรามีแค่วันเดียวใน Furano
รถรุ่นที่เราใช้คือ Honda N-Cube 600cc. ใช้อารมณ์การขับที่ไม่เหมือ นบ้านเรา...แบบนี้แหละที่ต้ องการ GPS ก็ใช้ง่ายเพราะเราแจ้งขอเป็ น English version มี Map code ของสถานที่นั้นๆก็สบายครับ ครับตาม GPS ได้เลย แต่ใครชอบขับรถแรงๆ มองข้ามรุ่นนี้ไปเลยครับ รุ่นนี้เหมาะกับการขับชิลๆค รับ
เราใช้บริการรถเช่าของ Nippon Rent a Car ที่ Asahikawa โดยจองผ่าน Intouch Rental Car ซึ่งเป็นตัวแทนในไทยครับ บริการดีเยี่ยมครับ
ขับรถประมาณ 1 ชม. จาก Asahikawa มาทางเส้น 237 ไป Tomita Farm Map Code: 349 276 734
พอถึง Tomota Farm กลิ่นหอมของ Lavender ก็เข้ามาแตะจมูกโดยทันที กลิ่นที่ได้ผมได้สัมผัส ในไม่ใช่กลิ่น Lavender ที่เราเคยได้กลิ่นเลย กลิ่นที่สังเคราะห์กับกลิ่นธรรมชาติมันคนละเรื่องเลยจริงๆ เคยมีครั้งหนึ่งมีลูกค้าชาวญี่ปุ่นให้ผมทำผ้าพันคอที่มีกลิ่นของ Lavender ผมได้ทำตัวอย่างส่งไปให้ เค้าบอกว่าหอมนะแต่นี่ไม่ใช่กลิ่น Lavender วันนั้นผมยังไม่เข้าใจและก็ไม่เข้าใจจริงๆเพราะเรารับรู้กลิ่นจากน้ำหอม กลิ่นปรับอากาศ ซึ่งนั่นไม่ใช่เลย...
กลิ่นนั้นมันมีความหอมของกลิ่นไม้ลึกๆที่มีความหอมของ Lavender แทรกตัวอยู่ บอกได้เลยมันหอมแบบล้ำลึกจริงๆ ความรู้สึกเหมือนตอนเราเดินป่าแล้วได้กลิ่นต้นไม้ผสมดอกไม้ที่หอม แบบนั้นเลย...
ดอก Lavender ที่กำลังบานเต็มที่ จริงๆแล้วแปลงปลูก Lavender ในแต่ละปีอาจจะบานสวยงามในร ะยะเวลาที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นอาจจะต้องเชคล่วงหน้ าถ้าต้องการมาแล้วเจอความสว ยงามแบบเต็มที่ [บันทึก Lavender บานเต็มที่ 01-Aug-2019] ส่วนใหญ่ในคู่มือการท่องเที ่ยวจะบอกว่าราวๆกลางเดือน ก.ค. จะเป็นช่วงที่สวยที่สุด เรามาช่วงต้นเดือน ส.ค. ก็แอบหวั่นๆเหมือนกัน ว่ามันยังจะสวยอยู่มั้ย คำตอบ...
ร้านขาย Melon เลือกกินได้หลาย size ตามความอยากเลยครับ
Melon สายพันธุ์ Yubari หอมหวานฉ่ำ 250Y
Lavender Ice cream มีกลิ่นหอมของ Lavender ผสม Yogert อร่อยมากๆ จริงๆอยากได้ภาพสวยๆของ Ice cream กับเค้าบ้างแต่มันทันแล้ว
บรรยากาศภายในร้านขายของฝาก ที่อยู่ใน Tomita Farm มีผลิตภัณฑ์ดอก Lavender มากมาย บอกเลยว่ากลิ่นของจริงไม่เห มือนกัน Lavender ในที่ปรับอากาศที่เราใช้กัน เลย
Lavender perfume...
ถ้ามาหน้าหนาวคงสวยงามแบบ Christmas event แน่ๆเลย...
📝 Blue Pond จะไปทำไม กับบ่อน้ำสีฟ้าๆแล้วไง??? คำถามนี้เกิดในหัวอยู่ตลอด...แต่ระหว่างทางที่ขับรถเข้าไปเริ่มรู้สึกได้ถึงความสงบ วิวสองข้างทางเป็นป่าสน ที่ดูราวกับว่าจะเป็นดินแดน Planet of Apes...พอมาถึงที่จอดรถพบว่าคนเยอะมาก เยอะสุดคือจีน และคนญี่ปุ่น...เป้าหมายเดียวคือบ่อน้ำสีฟ้าที่มีต้นโกงกางยืนต้นตาย...
ภาพที่ได้เจอมันคนละความรู้สึกเลย...มันสวยจริงๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่สวยมากๆ สีฟ้าแบบไม่ต้องใช้แอพใดๆทั้งสิ้น...อุบัติเหตุที่สวยงาม!!! คำนี้น่าจะบรรยายได้ครบรสครับ (ป.ล. Blue Pond ไม่เสียค่าเข้าชมครับ) "Map Code : 349 596 454"
This area is blue.....
มาถึงแล้ว Blue pond ขับรถมาจาก Tomita Farm ไม่ไกลมาก ประมาณ 20 กม. ไม่คิดว่านักท่องเที่ยวจะเย อะได้ขนาดนี้
คือมันสวยจริงๆนะ ถ้ามาแถวๆ Biei ลองแวะมานั่งเล่นสักพักก็ได้ อาจจะได้รับพลังบวก กลับไปไฟต์ในเรื่องต่างเช่นเดียวกับผมก็ได้...
📝สายรุ้งที่ตามหา🌈 ที่นี่เองเป็นที่สุดท้ายของทริปขับรถเที่ยว จริงๆแล้วแต่ละที่อยู่ไม่ไกลกันมากแต่ด้วยความเร็วรถที่จำกัด และเราใช้เวลากับแต่ละสถานที่แบบเต็มที่ ไม่ชะโงก-แชะ-กลับ เลยได้ที่เที่ยวแค่ 3 ที่แต่ก็คุ้มจริงๆ
Shikisei no Oka farm ที่นี่มีดอกไม้ปลูกเหมือนพรมสีรุ้งปูทับภูเขาลูกหนึ่ง มันสวยงามจากระยะไกล ยิ่งเข้าใกล้ความสวยก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ รูปถ่าย magazine postcard ที่สวยๆที่ถ่ายจากที่นี่พอมาดูของจริงมันเทียบกันไม่ได้เลยครับ...
ที่ฟาร์มนี้เสียค่าเข้าครับ แต่มันคือค่าที่จอดรถนั่นแหละครับ 500Y/คัน ก็ถือว่าช่วยค่าปลูกต้นไม้ละกันครับ มันสวยมากๆและต้นไม้เยอะมากๆ มาถ่ายรูปที่นี่ถ่ายมุมไหนก็สวยครับ "Map Code : 349 701 215"
ขับรถจาก Blue pond มาประมาณ 20 นาทีก็จะมาถึง สวน Shikisai no Oka ซึ่งเป็นที่ที่มักจะอยู่ในเอกสารโปรโมทการท่องเที่ยว ความเป็นพรมสีสายรุ้งบนเนินเขา และผมก็ได้มาที่นี่สักที เคยเปิดโบรชัวร์และเคยตั้งใจว่าสักวันนึงจะมายืนตรงนี้...ถึงแม้ความตั้งใจมันจะผ่านมานานหลายปีมาก...แต่มันก็ไม่เคยลืม...
สะดุดตากับนอกไม้อันนี้ที่แฝงตัวกับดอกอื่นๆที่มีสีสันสดใส...นั่งจ้องแล้วทำให้นึกถึงไอเย็น ของหน้าหนาวเลย...
ที่นี่มีโซนถ่ายรูปเยอะมาก ถ่ายยังไงก็สวย ส่วนรูปหุ่นฟางที่เป็นจุด checkin คนเยอะเกินเลยอดรูปสวยๆกลับมา แต่ภาพถ่ายที่สวยขนาดไหนมันเทียบไม่ได้กับการสัมผัสมันจริงๆ...
บางครั้งเรารอพร้อมทุกอย่างคงเป็นไปไม่ได้ มัน perfect ทุกอย่างคงไม่ได้...การได้เดินทาง มันอาจจะสร้างแรงบันดาลใจเพื่อกลับมาสร้างความพร้อมในเรื่องต่างๆก็เป็นได้ใครจะรู้...
ผ่านไป 3 ที่เราใช้เวลานานมากกับแต่ละที่ เพื่อให้เราสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบไม่เร่งรีบ คุ้มค่าจริงๆ....เฮ้อหมดไปอีก 1 วัน
🚄 Hokkaido rail pass : Super Hokuto จาก Sapporo ไป Hakodate อย่าลืม reserved seat เอาไว้ล่วงหน้าครับ ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. 🍱ดังนั้นหาซื้อข้าวขึ้นไปกินบนรถไฟกันนะครับ...
วันนี้เราเดินทาง 4 ชม. จาก Hakodate และลุยต่อที่ Otaru ใครมี Route อยากเดินเล่นแบบเราใช้แบบนี้ได้ครับจะไม่เปลืองแรง ให้ลงที่ Minami-Otaru สถานีดูเก่าหน่อยครับ แต่มี 7-11 นะ ให้เดินตรงออกจากสถานีตรง 3 แยก ตรงไปไม่ต้องเลี้ยวไหนทั้งนั้น เดี๋ยวจะมีทางบังคับเลี้ยวซ้ายให้เดินตามถนน ลงเขาไปเรื่อยๆ จะพบวิวที่เป็นยอดหลังคาของ Otaru Music Box ตรงนี้จะเป็นแยกที่เรียกว่า Marchen หลังจากนั้นก็จะพบกับนาฬิกาที่พ่นควันออกมาทุกๆ 15 นาทีข้างหน้าร้านกล่องเพลงก็เข้าไปได้เลยครับ ข้างในร้านกล่องเพลงสวย มีเสียงเพลงเพราะๆและน่าเอากลับไปหลายอย่างมากๆ ตรงกันข้ามก็เจอร้านขนม LeTAO ซึ่งเปิดสาขาที่ไทยแล้ว แต่อยากมาลองที่ต้นตำหรับมากกว่า...ใครสายของหวานมาแถวนี้กางเกงปริแน่ๆ เมื่อเดินตามถนนเส้นนี้ที่เรียกว่า Sakaimachidori Shoping Street ไปเรื่อยๆจะพบว่ามันมี LeTAO ทุกที่เลยเว้ยเฮ้ย...
เดินจนสุดถนนที่มี Lawson จะมีทางเลี้ยวขวาไปคลองโอตารุก็เดินตามไปก็จะเห็นทางที่คนเดินเยอะๆนั่นแหละถึงแล้วครับ...ทิวทัศน์รอบๆ องค์ประกอบข้างทำให้คลองนี้ดูมีเสน่ห์มากๆ คุ้มค่ากับการเดินเที่ยวมากมาย...
Hokkaido rail pass : Airport Rapid Train จาก Sapporo ไป Otaru วิวข้างทางระหว่างทางไป Otaru จะสวยมากๆ เพราะรถไฟจะขับลัดเลาะข้างภูเขาซึ่งเป็นด้านที่ติดกับทะเลวิวแจ่มจริงๆ แนะนำนั่งด้านขวามือติดกระจกครับ
นาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์ของ Otaru อีกที่ที่ตั้งอยู่ข้างหน้า Otaru Music Box มันเจ๋งมากตอนพ่นควันออกมา มีเสียงหวู๊ดด้วยนาาา
กล่องดนตรีหลายหลายรูปแบบ สามารเปลี่ยนเพลงได้ตามที่เ ราต้องการ สามารถเลือเพลงตัวอย่างและเ ปลี่ยนเพลงได้ที่ชั้น 3 ใครหลงใหลกับเสียงดนตรี แนะนำไม่ควรพลาด
บรรยากาศคลอง Otaru ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่เมื่อสายตาเราโฟกัสแค่วิ วที่อยู่ตรงหน้า เราก็ตัดความวุ่นวายออกไปได ้ทันที สวยงามดูสงบมากในยามเย็นและ สวยไปอีกแบบกับหน้าร้อนนี้ที่ Otaru...
งาน Art ก็มีให้เลือกซื้อไว้เป็นของ ที่ระลึก ส่วนตัวแล้วเราชอบงาน Handmade ดังนั้นไม่รีรอที่จะจัดสักห น่อย แค่100Y
@Day#4&5 : ล่องใต้ไปกับสายลมที่ Hakodate
Seafood Morning Market▪️Mt.Hakodate▪️Hachiman-saka ▪️Redbrick Warehouse
🏨🛌 ที่พัก Smile Hotel Hakodate จุดเด่นแค่เดินข้ามถนนมาจาก JR Hakodate ก็ถึงแล้ว แถมอยู่ติดกับป้ายรถเมล์อีก สะดวกสุดๆ ประหยัดงบ แต่ทุก รร. ที่นี่ ราคาเอาเรื่ิองอยู่ในช่วง summer ราคาประมาณ 2,900B/คืน แต่ต้องจองก่อนล่วงหน้านะไม่งั้นราคาไหลแน่นอน
📝 การเดินทางมาเมืองนี้ มีเป้าหมายหลักอยากขึ้นกระเช้าไปชมวิวบนภูเขา🚠⛰️ Mt.Hakodate มากๆ เรื่องรูปถ่ายแน่นอนว่าไม่มีทางถ่ายได้สวยเท่าในโปสการ์ดหรือ magazine แต่การได้เห็นด้วยตาตัวเองนี่สิมันกลายเป็นภาพที่สวยงามเมื่อได้นึกถึงมัน...
จริงๆแล้วการเดินทางภายในเมืองการใช้รถ 🚋tram ก็ไม่เลวนะ 1 day pass 600Y ไม่เมื่อยด้วย
🚶🚶แต่เราเลือกการเดินเท้าภายในเมืองเพราะมันมีเสน่ห์มากมาย ใช้เวลาแบบช้าๆ สองข้างทางมีอะไรให้น่าค้นหา พอถึงที่หมายมันจะว้าวววว...สถานที่ check-in ใน Hakodate มันไม่ไกลกันเลย ยกเว้น ถ้าต้องการไป Goryuokaku นั่ง tram ไปดีสุด
การเดินทางเราใช้ climb bus 🚌 ราคา 400Y/p/ครั้ง ขึ้นรถที่หน้าสถานี JR Hakodate ได้เลย (ไม่ค่อยเจอในรีวิววิธีการนี้เลย) ป้าย 2 ใช้เวลาแค่ 20 นาที รถจะมาส่งเราที่ยอดเขาจุดชมวิวเลย ⌚รอบรถคันแรก 17:15 p.m. first come first serve นะ อย่าลืมนำบัตรจากตู้อัตโนมัติด้วยนะเดี๋ยวคนขับดุเอา แล้วตอนลงเราก็ค่อยมาซื้บัตรนั่งกระเช้าลงขาเดียว 800Y
ขากกลับเดินชิลๆจาก Rope way มาเรื่อยๆก็มาเจอ ถนนมีอิฐแดงๆ แสงสีส้มสวยๆ เลยเปิดแผนที่ดูพบว่า เฮ้ย...นี่มันโกดังอิฐแดงที่เราอยากมากันนี่นา...ว่าแล้วก็ลุยถ่ายรูปกัยเลย การเดินเล่นนี่มันดีจริงๆทำให้เราได้เจอที่ที่เราไม่คาดคิดหลายอย่าง
ตื่นเช้ามาก็ออกมาลุยที่ตลาด Morning Market กันเลย อยู่ติดๆกับ JR Hokadate เดินไปไม่ไกลจากโรงแรมเรา Smile Hakodate ทำเลดีมากเลย
ขาปูยักษ์รสชาติสู้ปูบ้านเราไม่ได้แฮะ แต่ก็อยากลองกินดูให้รู้ โดนไปข้างละ 1,500Y
จริงๆก็อยากนั่ง Tram นะ แต่เดินดีกว่าดูจากแผนที่แล้วไม่ไกลกันมากนัก เดินนี่แหละมันส์ดี
ชอบฝาท่อระบายน้ำที่นี่จริงๆ เค้าจะมีการ paint สีต่างๆเอาไว้ในแต่ละสถานที่สำคัญๆ เราบังเอิญเจอแค่บางจุดเท่านั้น
เนิน Motomachi เป็นวิวที่สวยงามมากๆ ชอบวิวตรงนี้และบ้านเรือนแถวๆบริเวณนี้มันดูสวยงามมาก
กลับมาโกดังอฐแดงอีกครั้ง ตอนกลางวันที่นี่คึกคักกว่ากลางคืนมากๆ ทัวร์ลงเยอะเลย ร้านค้าทุกร้านจะเปิดขายในตอนกลางวัน พอหกโมงเย็นก็เริ่มทะยอยปิดละครับ
ที่นี่ร้านขายของฝากเพียบเลย มีทั้งของสด อาหารแห้ง และขนม
ร่วมทำกิจกรรมตอบคำถามสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่น ได้ของที่ระลึกมาด้วย เย้ๆๆๆๆ
มาทีร้าน Meijikan ที่นี่มีเครื่องแก้ว กล่องดนตรี และขนมให้เลือกอีกแล้ว ของเพียบอีกตามเคย
ตกกลางคืนก็ได้มีโอกาสเดินเล่นอีกด้านนึงของ Hakodate เดินเข้าไปทางใจกลางเมืองตรงถนน Matsukazecho พบว่าวัยรุ่นมากองรวมกันที่เทศกาลดนตรีหน้าร้อนที่ Hakodate ก็เลยได้มีโอกาสได้มันส์กับวง Hip-Hop Nobodyknows ปิดจบทริปของ Hakodate ได้สวยงาม จริงๆแล้วมีที่เที่ยวอีกหลายที่ที่เราไม่ได้ไป แต่แค่นี้เราก็อิ่มเอมกับ Hakodate และประทับใจกับที่นี่มากๆครับ
Day#6 : ตามหากล่องเพลง ที่คลอง Otaru
Otaru Music Box ▪️Sakaimachidori Shoping Street▪️Otaru Canal วันนี้เราเดินทาง 4 ชม. จาก Hakodate และลุยต่อที่ Otaru ใครมี Route อยากเดินเล่นแบบเราใช้แบบนี้ได้ครับจะไม่เปลืองแรง ให้ลงที่ Minami-Otaru สถานีดูเก่าหน่อยครับ แต่มี 7-11 นะ ให้เดินตรงออกจากสถานีตรง 3 แยก ตรงไปไม่ต้องเลี้ยวไหนทั้งนั้น เดี๋ยวจะมีทางบังคับเลี้ยวซ้ายให้เดินตามถนน ลงเขาไปเรื่อยๆ จะพบวิวที่เป็นยอดหลังคาของ Otaru Music Box ตรงนี้จะเป็นแยกที่เรียกว่า Marchen หลังจากนั้นก็จะพบกับนาฬิกาที่พ่นควันออกมาทุกๆ 15 นาทีข้างหน้าร้านกล่องเพลงก็เข้าไปได้เลยครับ ข้างในร้านกล่องเพลงสวย มีเสียงเพลงเพราะๆและน่าเอากลับไปหลายอย่างมากๆ ตรงกันข้ามก็เจอร้านขนม LeTAO ซึ่งเปิดสาขาที่ไทยแล้ว แต่อยากมาลองที่ต้นตำหรับมากกว่า...ใครสายของหวานมาแถวนี้กางเกงปริแน่ๆ เมื่อเดินตามถนนเส้นนี้ที่เรียกว่า Sakaimachidori Shoping Street ไปเรื่อยๆจะพบว่ามันมี LeTAO ทุกที่เลยเว้ยเฮ้ย...
เดินจนสุดถนนที่มี Lawson จะมีทางเลี้ยวขวาไปคลองโอตารุก็เดินตามไปก็จะเห็นทางที่คนเดินเยอะๆนั่นแหละถึงแล้วครับ...ทิวทัศน์รอบๆ องค์ประกอบข้างทำให้คลองนี้ดูมีเสน่ห์มากๆ คุ้มค่ากับการเดินเที่ยวมากมาย...
Hokkaido rail pass : Airport Rapid Train จาก Sapporo ไป Otaru วิวข้างทางระหว่างทางไป Otaru จะสวยมากๆ เพราะรถไฟจะขับลัดเลาะข้างภูเขาซึ่งเป็นด้านที่ติดกับทะเลวิวแจ่มจริงๆ แนะนำนั่งด้านขวามือติดกระจกครับ
นาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์ของ Otaru อีกที่ที่ตั้งอยู่ข้างหน้า Otaru Music Box มันเจ๋งมากตอนพ่นควันออกมา มีเสียงหวู๊ดด้วยนาาา
กล่องดนตรีหลายหลายรูปแบบ สามารเปลี่ยนเพลงได้ตามที่เ
Marchen crossection
มาถึงแล้วคลอง Otaru!!!!
บรรยากาศคลอง Otaru ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
งาน Art ก็มีให้เลือกซื้อไว้เป็นของ
Bye bye Otaru เตรียมกลับบ้านกันครับ ว้าแป๊บเดียวเที่ยวครบทุกที่ตาม plan แล้ว
มาเที่ยวครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ เราใช้เวลาในทุกๆวันกับการเดินทางด้วตัวเราเอง แต่เจออะไรใหม่ๆ หลงบ้างผิดทางบ้าง แต่มันก็เป็นเสน่ห์ของการเที่ยวด้วยตัวเองครับ....Lawsaon และ 7-11 คืออาหารที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา...เที่ยวไม่แพง กินไม่หรูอยู่ไม่แพง ก็สนุกได้ครับ...