วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561

รีวิว : Singapore 2018-3 Days 2 Nights at Merion Skyline Luge Sentosa and Singapore Science Center

พาลูกเที่ยวสิงคโปร์ ครั้งแรก

Period : 27 - 29 Nov 2018
Route line : Raffle Place - East Jurong - Raffle Place

   จุดเริ่มต้นของการเดินทาง เราสองคนอยากพาเจ้าลูกชายวัย 4 ขวบไปลองภาษาอังกฤษของจริงกับคนต่างชาติ แค่อยากให้เห็นว่าการใช้ภาษาสำคัญในการเอาตัวรอด โดยที่พ่อและแม่อย่างเราต้องโชว์ให้เห็นจริงแล้วเค้าก็จะเชื่อ....และที่สำคัญที่สิงคโปร์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ อีกทั้งเดินทางแค่ 2 ชั่วโมงจากไทย ถือว่าไม่หนักหนาสำหรับครั้งแรกของเจ้าตัวเล็ก....

การเตรียมตัวของเราก่อนเดินทาง..........

  • แผนการเดินทาง ควรต้องวางไว้ล่วงหน้าก่อนเลยว่า จุดหมายคือที่ไหน เราจะสามารถวางแผนเรื่องที่พัก และการเดินทางทุกอย่างได้ครับ ครั้งนี้เรามีเด็กไปด้วยเลยเลือกแต่ที่สำหรับเด็ก ค่าใช้จ่ายไม่แพง เน้นความรู้และสิ่งใหม่ๆรอบตัวครับ แนะนำมีแผนดีกว่าไม่มีแผนครับ แผนเราเป็นแบบนี้ครับ
          27-Nov : Changi Airport - Lavender - Raffle Place
          28-Nov : Lavender - East Jurong (Singapore Science Center)
                          - Sentosa - China Town
          29-Nov : Bukit - Changi Airport
          ใครไป route นี้นำไปใช้ได้นะครับ ยินดีครับ
  • ตั้๋วเครื่องบิน : เราเลือกใช้สายการบิน Singapore Airline เป็นสายการบินแบบ Full service ราคาโดยรวมแล้วจริงๆ แทบไม่ต่างกับ Low cost เลย ราคานี้คุ้มมากๆ 5,700 ฿/คน (note: ราคาโปรมาช่วงเดือนกันยายน) 
  • โรงแรม : เราเลือก V-Hotel Lavender ข้อดีของโรงแรมนี้คือตัวโรงแรมอยู่ข้างบน MRT Lavender เลยที่สำคัญมี Public Food อยู่ด้านล่างเลย ราคาอาหารไม่แพงและมีให้เลือกหลาย อย่าง  ถ้ามีเด็กเล็กมาด้วยแนะนำที่นี่เลยครับ ราคาโรงแรม 2,000 บาท/คืน 
  • การเดินทาง : ทริปนี้เน้นการขึ้นรถไฟฟ้าเป็นหลัก เราแนะนำให้ซื้อเป็นบัตร EZ-Link ครับ สามารถเติมเงินได้ครับ มีค่ามัดจำบัตร 5 SGD และเราเติมเอาไว้สำหรับขึ้นรถทุกชนิด 20 SGD ถือว่าเหลือเฝือเลยครับ บัตรนี้ซื้อได้ตั้งแต่ที่สนามบิน Changi ครับ ตรงสถานี MRT Changi ครับ ส่วนของเด็กฟรีครับ
  • Pass ต่างๆ : เราซื้อ Voucher เข้า Singapore Science Center จาก Klook ราคาจะถูกกว่าซื้อที่สิงคโปร์และสามารถนำไปแลกที่ทางเข้าได้เลยครับ แนะนำถ้าใครจะไปเล่น Skyline Ruge ที่ Sentosa แนะนำให้ซื้อ Voucher ไปก่อนครับเพราะราคาถูกกว่าที่ Sentosa เยอะมาก (T_T)...เสียดายเราไม่ได้ซื้อไป
  • Pocket wifi : ขาดเธอขาดใจ ขาดไม่ได้จริงๆ เราใช้ของ 4G pocket wifi วันละ 170฿ แรงไม่สะดุด ทำให้แผนที่วางไว้ทั้งหมดสมบูรณ์แบบ (ราคาไม่แรง แต่ดีมาก) จองไว้ก่อน ไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนบินได้เลย
  •  App ที่จำเป็น : Mytransport และใช้ร่วมกับ Google Map แค่นี้ก็พอแล้ว

การเดินทาง..........

@27-์Nov-18
           เราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 9:45 am. ถึงสนามบิน Changi สิงคโปร์ เวลา 13:15 p.m.
    จัดการรับกระเป๋าทำธุระต่างๆเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพราะเรามีเด็กและผู้สูงอายุไป      ด้วย ทำให้เวลาต่างๆที่วางแผนไม่ได้เป็นไปตามนั้น
           ลงมาที่สถานีรถไฟฟ้าเพื่อเข้าเมือง เราสามารถซื้อบัตร EZ-Link และเริ่มใช้ได้เลยทันที
          🚈  Changi Airport - Tannah Merah (เปลี่ยนรถที่สถานีนี้) - Lavender ใช้เวลาประมาณ 30 นาที 
          🏩  Check-in ที่ V-Lavender Hotel พักทั้งหมด 2 คืน
     📷หลังจากนั้นก็เดินทางเพื่อไปชม Merlion
          🚈  Lavender - Raffles Place ใช้เวลาประมาณ 15 นาที 
           ลงที่ Raffles Place แล้วก็หาป้ายเพื่อเดินออกไปที่ โรงแรม Fullerton Hotel และเดินชมวิว
           เลียบแม่น้ำสิงคโปร์ ได้บรรยากาศดีมาก

         
            แล้วเดินต่อไปอีกไม่ไกล เดินข้ามสะพาน Esplanade วิวตรงนี้เป็นวิวเมืองที่ดูสวยงามมากๆ


            หลังจากข้ามสะพาน Esplanade มานิดเดียวเดินลงมาก็จะเจอกับเจ้าสิงค์โตพ่นน้ำแล้ว สามารถ 
            เดินเล่นตรงสะพาน Jubilee วิวของ Marina Bay จากมุมนี้นี่สวยงามจริงๆ ยิ่งตอนใกล้ค่ำนี่แสงมัน 
            จะสวยมากๆ ใครชอบถ่ายรูป แถวๆนี้ จัดได้หลายร้อยรูปเลย เจ้าลูกชายก็เดินเล่น วิ่งเล่น แถวๆนี้
            ไม่มีเบื่อเลย





               แป๊บเดียวผ่านไป 4 ชม. โห....เราใช้เวลาไปกับที่นี่ทั้งหมดในวันแรกที่มาถึง เพื่อรอดูการแสดง 
               แสงสีเสียงตอนรอบ 20:00 p.m. (ฟรี) ซึ่งดูจบ เจ้าลูกชายถามมาคำนึงว่า พ่อครับ เรามาดูอะไร
               กันอ่ะครับ..... เด็กเล็กอาจจะไม่ตื่นเต้นเร้าใจสักเท่าไร แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเรามันก็โอเคนะ

@28-Nov-18
          วันนี้วางแผนพาลูกชายไปเที่ยวที่ Singapore Science Center แถบๆ Jurong การเดินทางไม่ยากใช้ 
    เวลาจาก Lavender ไปถึงสถานี Jurong  อารมณ์ประมาณนั่งรถไฟออกนอกเมืองครับ แล้วเดินไปอีกไม่
    ไกลก็จะไปถึงที่หมาย
         🚈  Lavender - Jurong East ใช้เวลาประมาณ 40 นาที 


     หลังจากลงจากสถานี MRT Jurong East มาแล้วก็เดินลงมาด้านล่าง สังเกตด้านซ้ายมือจะมีห้าง 
     J-Cube ให้เดินมาทางโซนด้านซ้ายนี้ ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดว่า Science Center 
     ไปทางไหน 😂เสียดายที่นี่เราไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ เพราะเดินชมที่แสดงและคอยอธิบายสิ่งต่างๆ ตาม
     หลักวิทยาศาสตร์ให้ลูกชายฟัง เราใช้เวลาไปด้วยกันซึ่งลูกชายชอบที่นี่มากๆ อยากรู้ อยากเห็นใน
     ทุกๆจุด เหมาะมากๆในการพาเด็กๆที่เพิ่งเริ่มคิดอยากรู้ มาเที่ยวที่นี่เพื่อสร้างจินตนาการครับ👍👍👍

            🚈  Jurong East - Habour Front ใช้เวลาประมาณ 45 นาที 
     จุดหมายต่อไป หลังจากเรียนรู้กับวิทยาศาสตร์แล้ว เราพาลูกชายไปเล่นที่ Sentosa ครั้งนี้เราพาเค้า
     ไปออกกำลังกับการเล่น Skyline Ruge เป็นการสไลด์ลงจากภูเขา โดยต้องนั่งกระเช้า ขึ้นไปข้างบน
     ภูเขา  เด็กเล็กนั่งหน้าแล้วเราเป็นคนควบคุมครับเจ้าลูกชายบอกให้ซิ่งตลอดทางเลย สนุกมากๆ 
     ราคาเหมา 3 คน ประมาณ 1,500 บาท เล่นได้ 2 รอบ ก็คุ้มนะครับ รอบเดียวไม่พอแน่นอน.....
     (📌แนะนะให้ซื้อ Voucher มาจากไทยก่อนครับราคาจะถูกกว่าที่นี่เยอะครับ)
        
     มีตัวอย่าง VDO การเล่นที่นี่มาให้ดูด้วยครับ ขออนุญาตเจ้าของ VDO ด้วยนะครับ   
     credit this video : https://www.youtube.com/watch?v=p-CB3LX1eZw
     การเดินทางข้ามมาเกาะ Sentosa มีหลายวิธีครับ ครั้งนี้เราเดินทางโดยการใช้รถไฟรางจากห้าง 
     Vivo city ราคาถูกกว่าการใช้กระเช้าข้ามเกาะมากๆครับ ราคาแค่ 4 SGD/คน โดยลงที่สถานี Beach 
     Station แล้วเดินไปเล่น Skyline Luge ได้เลย
            
             🚈  Habour Front - China Town ใช้เวลาประมาณ 25 นาที 
     หลังจากสนุกกับการเล่นที่เกาะ Sentosa เราก็มาเดินหาซื้อของฝากราคาไม่แพงที่นี่เลย เน้นเลยครับ 
     ถูกกว่าที่สนามบินหลายเท่ายิ่งนัก
     


ทริปนี้เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมากสักเท่าไร เพราะมีเจ้าตัวเล็กไปด้วย การเที่ยวในครั้งนี้เลยให้ความความสำคัญกับการพาลูกเที่ยวเป็นหลักเลย สิ่งที่ได้รับจากการพาลูกมาเที่ยวครั้งนี้ คือความสำเร็จเล็กๆที่เค้าสามารถไปยืนสั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษกับคนแปลกหน้าในวัยแค่ 4 ขวบ ต้องยอมรับว่าสมัยก่อนผมเองไม่กล้าแม้แต่จะทักทายด้วยภาษาอังกฤษเลย...
ครั้งนี้รูปน้อยไปหน่อยครับ แก้ตัวคราวหน้าครับ...









วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

รีวิว : Japan 2018-Shirakawago and Harry Potter-Takayama Hokuriku Pass and Osaka Amazing Pass

เยือนหมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ และท่องโลกเวทมนต์ Harry Potter

Period : 14 - 18 Jan 2018
Route line : Osaka - Shirakawago

   จุดเริ่มต้นของการเดินทาง เราสองคนอยากไปเยือนหมู่บ้านชิราคาวาโกะ สักครั้งนึงในชีวิต และอยากไปสัมผัสโลกเวทมนต์ของ Harry Potter ซึ่งเป็นนิยายที่เราสองคนชอบมากๆ ทั้งนี้เพื่อนๆคนไหนมีฝันที่คล้ายๆกับเรา อยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จะหลงมั้ย จะขึ้นรถไฟถูกมั้ย บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ลองอ่านเรื่องราวของเรา แล้วเพื่อนๆจะรู้ว่ามันไม่ยากเลย วางแผนเอง ไปเองไม่ง้อทัวร์ เที่ยวเองนี่แหละดีสุดๆแล้ว
Takayama Hokuriku Tourist Pass 
& Osaka Amazing Pass

การเตรียมตัวของเราก่อนเดินทาง..........

  • แผนการเดินทาง ควรต้องวางไว้ล่วงหน้าก่อนเลยว่า จุดหมายคือที่ไหน เราจะสามารถวางแผนเรื่องที่พัก และการเดินทางทุกอย่างได้ครับ แนะนำมีแผนดีกว่าไม่มีแผนครับ แผนเราเป็นแบบนี้ครับ
14-Jan : KIX - Shin Osaka
15-Jan : Shin Osaka - Kanazawa - Shirakawago
16-Jan : Kanazawa - Osaka
17-Jan : USJ
18-Jan : ครึ่งวันใน Osaka แล้วกลับ Thailand
ใครไป route นี้นำไปใช้ได้นะครับ ยินดีครับ
  • ตั้๋วเครื่องบิน : เราเลือกใช้สายการบิน Hongkong Airline เป็นการบินแบบ transit ที่ Hongkong ปลายทาง Osaka-Kansai Airport ราคาเบาๆ ช่วงโปรโมชั่น 13,700 ฿/คน (note: ราคาโปรมาช่วงเดือนพฤศจิกายน) 
  • ตั๋ว Takayama Hokuriku Tourist Pass : เป็นบัตรเบ่ง (เดินผ่านช่องที่ไม่ต้องเสียบบัตรได้เลย แจ่มมั้ย!!!) ใช้กับรถไฟสายJR อิอิอิ สำหรับการเดินทางในจุดหมายปลายทางที่เราจะไป บัตรนี้คุ้มมากสำหรับไป หมู่บ้านชิราคาวาโกะ และยังสามารใช้เดินทางไป Kyoto ได้ด้วย เราคำนวณตัวเลขออกมาแล้วกับการเดินทาง บอกได้เลยว่าคุ้ม!!! ราคาบัตร 14,000 เยน ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง  บัตรนี้สามารถใช้จองที่นั่งรถขวน JR Ltd. Exp. Thunderbird (Osaka - Kanazawa) สามารถจองที่นั่ง (Reserved seat) ได้ทั้งหมด 4 ครั้ง แต่ไม่สามารถใช้จองที่นั่งของ Shinkansen (Kanazawa - Toyama) ราคา pass ประมาณ 4200 ฿/คน rate :x 0.3) ( เราจะได้เป็น voucher มาก่อน เอาไปแลกตั๋วจริงที่ Japan) 
คำถามที่เจอ : จองที่นั่ง Reserved seat ต้องเสียเงินเพิ่มมั้ย? แล้วจะจองที่นั่งที่ไหนได้บ้าง?
คำตอบ : ถ้าเราใช้ pass นี้ไม่เสียเงินเพิ่ม เน้นนะต้องเป็นสายที่วิ่ง route ตั้งแต่ Osaka - Kanazawa (เรามาฝั่งด้านตะวันตกเลยเน้นด้านนี้) ซึ่งสามารถจองได้ที่นั่งล่วงหน้าได้ที่สถานีที่มี JR office ทุกสถานี
สายรถไฟ JR ไป Shirakawago และภายในเมือง Osaka
ที่สามารถใช้ Takayama Hokuriku Tourist Pass
    Universal Studio Japan Ticket : Minnion collection
    Universal Studio Japan Ticket
  • ตั๋ว Osaka Amazing Pass : ใช้แทนบัตรขึ้นรถไฟทั่วๆไปที่ญี่ปุ่น (เสียบที่ ช่องทางเดินที่สถานี) ใช้ได้ทั้งรถไฟบนดิน-ใต้ดิน รถเมล์ สะดวกโคตรๆกี่รอบก็ได้ Highlight เลยคือ เมื่อซื้อบัตรนี้มีสถานที่เที่ยวเข้าฟรีเพรียบบบบ!!! จัดสิครับรอไร ราคาบัตร 2500 เยน (ประมาณ 750 ฿) เรา ซื้อแบบ 1 day pass เพราะมีเวลาเที่ยวแค่ครึ่งวัน แต่ก็มีแบบ 2 days pass นะใครเที่ยวในเมืองอย่างเดียวแนะนำจัดโลด (เราจะได้เป็น voucher มาก่อนเอาไปแลกตั๋วจริงที่ Japan)
  • ตั๋ว Universal Studio Japan ticket + Express pass 4 : จุดหมายที่เรา need มากคือไป Harry Potter เราเลยทำทุกวิถีทางเพื่อการันตีว่าเราจะไม่พลาด Harry Potter Zone อย่างอื่นช่างมัน บอกเลยว่าควรซื้อบัตรไปก่อน เพราะคนต่อแถวยาวมาก Express pass ใช้สำหรับไม่ต้องต่อคิวยาว บอกเลยคุ้มค่าเวลาในการเที่ยว USJ มากๆ ราคา Ticket 7,600 เยน และ Express pass 5800 เยน (ราคารวม 4,020 ฿/คน)
Note : Pass ต่างๆเราซื้อผ่าน Compax World เหตุผลไม่มีอะไรมาครับ บริการดีมากครับ ตรงเวลา (รีวิวให้เองครับไม่มีอวยไส้แตก)
  • Pocket wifi : ขาดเธอขาดใจ ขาดไม่ได้จริงๆ เราใช้ของ 4G pocket wifi วันละ 159฿ แรงไม่สะดุด ทำให้แผนที่วางไว้ทั้งหมดสมบูรณ์แบบ (ราคาไม่แรง แต่ดีมาก) จองไว้ก่อน ไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนบินได้เลย
  •  App ที่จำเป็น : Tabimori ดูภาพรวมการเดินทาง สายรถไฟ, Osaka municipal subway ใช้ดูสายรถไฟใน Osaka, web site ที่ขาดไม่ได้คือ www.hyperdia.com อันนี้วางแผนการเดินทางของเราทั้งหมด เราใช้แค่ 3 อันนี้ อยู่รอดสบาย!!!!
  • จองตั๋วรถบัส Hokutetsu bus สำหรับไปชิราคาวาโกะ : ถ้าเราใช้ Hokuriku pass ต้องโทรไปจองเท่านั้น ผมโทรไปจองล่วงหน้าก่อนไป 1 เดือน (ใกล้ๆวันไปมันจะเต็มครับ) บอกว่าเรา ใช้ pass นะ ต้องการไปวันไหน รอบรถกี่โมง กลับกี่โมง เราขึ้นที่ Kanazawa ต้องบอกว่าไปจาก Kanazawa และ กลับมา Kanazawa เค้าจะให้ code กลับมาจดให้ถูกต้อง ทวนสักรอบก็ดีนะไม่ต้องกลัวภาษา เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ครับแต่อาจจะต้องใช้สมาธิกันหน่อยนะครับ เบอร์โทร +81762340123 แต่ถ้าใครขึ้นมาจากด้าน Takayama ก็ใช้ Nohi bus  
ตารางรถบัส Hokutetsu และ Nohi bus ไปชิราคาวาโกะ
จากข้อมูลทางด้านบน เมื่อเตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เมื่อพร้อมแล้วทุกอย่าง ก็ลุยกันเลย!!!

การเดินทาง..........

@14-Jan-18
   เราขึ้นเครื่องตอน 4:00 a.m. ที่สุวรรณภูมิถึง Hongkong 8:30 a.m. นั่งรอแป๊บเดียว ขึ้นเครื่องต่อตอน 11:00 a.m. ถึง Japan สนามบินคันไซ เวลา 03:40 p.m. เอากระเป๋าออกมาแล้วรีบไปที่ Tourist information ชั้น 1 เลยเพื่อแลกตั๋วจริงของ Osaka Amazing pass หลังจากนั้นลากกระเป๋าไปชั้น 2 เพื่อไปแลก Hokuriku pass ตัวจริง ที่ JR office แค่นี้ก็ได้บัตรจริงมาเบ่งกันแล้ว!!!! เดินเข้าไปในสถานีของ JR line นะอยู่ซ้ายมือ อย่าไป Nankai line มันใช้ไม่ได้ครัช
   เวลา 05:00 pm.mไปขึ้นรถไฟที่ชื่อว่า Haruka (รถด่วน pass นี้ขึ้นได้สบายมาก) เราใช้ pass นี้เราต้องนั่งตู้ non -reserved ส่วนใหญ่จะเป็นตู้ที่ 4-6 ใช้เวลาประมาน 50 นาทีก็มาถึงที่ Shin Osaka เวลา 05:50 p.m. ข้างนอกมืดหมดแล้วตอนนี้ 
   เตรียมตัวสำหรับเช้าพรุ่งนี้ เราต้องเดินทางตอน 06:34 a.m จาก Shin Osaka ไปถึง 09:13 a.m. Kanazawa จองที่นั่งรถไฟเลย เราจองรถไฟขบวน Limited Exp. Thunderbird #1 ห้ามพลาดเลย เพราะถ้าพลาดทริปนี้จบทันทีวันแรก (ไกด์อย่างผมกดดันมาก!!!)
   คืนนี้เราพักที่ Hotel Mystay conference Shin Osaka เดินแป๊บเดียวจากสถานีรถไฟ แต่อากาศตอนนี้ 0 oC จร้าาาา
@15-Jan-18
   เราตื่นเต้นออกจาก รร. ตอน 05:45 a.m. ถึงสถานี 6:00 a.m. แล้วเจอ Thunderbird#1 ไป Kanazawa มาแล้ว เอ้า!!!ขึ้นสิครับ ขึ้นมาอ้าวเฮ้ย!!! นี่มัน Thunderbird#1 Business เชรด!!! ขึ้นผิดขบวน (T_T) เลยคุยกับเจ้าหน้าที่บนรถไฟ เค้าบอกว่าเด่วลง Kyoto แล้วรอรถขบวนต่อไป (ดัชนีความน่าเชื่อถือไกด์ดิ่งลงตอนนี้↘ : แบบว่าเวลาตรงเป๊ะๆ รถจอดแค่ 1 นาที) ไม่เปนไรพลาดครั้งแรกก็มานั่งชิวๆที่ Kyoto

   หลังจากนั้นรถขบวนที่ถูกต้องก็มา ขึ้นรถไฟได้สิ่งแรกที่คิดเลยขอนอนก่อน แต่พอขึ้นรถแล้ว มันหลับไม่ได้จริงๆ วิวมันหลักล้านชัดๆ!!! สมคำร่ำรือว่านี่คือ beauty Japan สองข้างทางหลังจาก Kyoto ไปตอนนี้มีหิมะเต็มไปหมด สวยงามมากๆ

   เวลา 09:13 a.m. มาถึง Kanazawa เราแยกกันเป็นสองทีม ทีม1 ไปหา coin locker ฝากกระเป๋าไปที่ฝั่ง Anto เลือกตู้ใหญ่สุด 600 เยน ขณะที่ผมทีมที่ 2 รีบวิ่งไปแลกตั๋วรถบัสไปชิราคาวาโกะ (รถบัสออก 09:40 a.m.) เรามีเวลาเหลือแค่ 27 นาที วิ่งสิครับรอไร!!! คือแบบว่าวิ่งเร็วก็ไม่ได้บนพื้นมีหิมะ [ชิราคาวาโกะ ออกประตู east gate : Kenkoruen] มาที่แลกตั๋ว เอาเลขที่เราได้จากการจองจากการโทรศัพท์มาออกตั๋วจริงที่ Hokutetsu office อยู่ฝั่งตะวันออก east gate (ออกมานอกสถานีไปทางด้านซ้ายเลยทันที)
สรุปได้ตั๋วทั้งขาไป-กลับ [รอบ ไป 09:40 a.m. กลับ 03:20 p.m.]  และฝากระเป๋าได้ทัน แล้วมาเจอกันที่ป้ายรอรถบัสที่ 2 รถมาตรงเวลาครับ (ไม่ต้องเสียเงินค่ารถบัส เพราะเราใช้ Hokuriku pass)
   ขึ้นรถคิดว่าต้องหลับให้ได้เพราะตอนวิ่งเหนื่อยมาก แบกกระเป๋าหนักๆ รองเท้าลุยหิมะ คิดถึงตอนเข้าค่าย รด. ตอนฝึกวิ่งหลบระเบิด!!! แต่หลับไม่ได้ วิวสองข้างทางหลักล้านอีกแล้วครับท่าน!!!

 
   11:05 a.m. มาถึงที่ หมู่บ้านชิราคาวาโกะแล้ว สวยงาม เจ๋งมาก หน้าหนาวมีหิมะนี่แหละสวยที่สุดแล้วละครับ (หลายๆรีวิวได้อธิบายความเป็นมาต่างๆเกี่ยวกับหมู่บ้านผมขอไม่พูดถึงตรงนั้นละกันนะครับ) สภาพอากาศไม่หนาวอย่างที่คิด และเดินได้สะดวกไม่มีลื่น (ที่รัดรองเท้าเดินหิมะที่ซื้อมาโยนทิ้งไปเลย ไม่มีประโยชน์กับที่นี่)
แผนที่ในหมู่บ้าน นี่เป็นภาษาไทย แสดงว่านักท่องเที่ยวคนไทยมาที่นี่เยอะมาก!!!

บริเวณทีจอดรถบัส ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวหมู่บ้าน ห้องน้ำ ที่ฝากกระเป๋า มีอยู่ที่นี่ทุกอย่างเลย

เส้นทางเดินในหมู่บ้าน หิมะที่ตกจะถูกโกยทิ้งไว้ทางด้านข้างเพื่อเปิดทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยว

รูปแบบบ้านทรง กัสโซ่



ทางเดินข้ามแม่น้ำระหว่างหมู่บ้าน เจ๋งสุดๆ
   และมาถึงวิวที่เราต้องมาให้ได้ คือ Shiroyama observatory point เราอาศัยนั่งรถ Shuttle bus ขึ้นมาเพราะขี้เกียจเดินขึ้นมาเพราะ กลัวลื่น!!! ค่ารถก็ไม่แพง 200 เยน/คน/รอบ เดินเข้าหมู่บ้านมา 150 เมตรเจอจุดรอรถทันที...

   ถึงเวลากลับเราก็มารอรถที่เดิมที่เราลงมา เวลากลับ 03:20 p.m. เดินทางกลับ Kanazawa คนไม่เยอะเท่ากับด้านที่ไป Takayama ใครที่อยากไปเที่ยว Takayama ต่อก็จองตั๋วจากที่นี่ไปได้เลยนะ
   กลับถึง Kanazawa เวลา 05:00 p.m. เดินลากกระเป๋าฝ่าหิมะที่กองบนพื้น (อันนี้ลื่นจริงจังถ้าเป็นรองเท้าผ้าใบนะ) เข้าโรงแรม Hotel Mystay Kanazawa Castle ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย เยี่ยม!!! จากการพัก Mystay ทั้งสองที่ มาตรฐานเค้าดีและเท่ากันจริงๆ ราคาไม่แรงด้วย อยู่ราวๆ คืนละ 1,500 ฿ แต่ถ้าจองช่วง 21-31 Dec อันนี้ราคาโหดสลัด
  ก่อนกลับ โรงแรมจองที่นั่ง รถไฟ Thunderbird เหมือนเดิม บอกเลยว่า Hokuriku pass นี่คุ้มค่าจริงๆ มาถึงแค่นี้ราคาก็เกินที่เราจ่ายค่า pass แล้วครับ

@16-Jan-18
   กลับจาก Kanazawa 8:05 a.m. มาถึง Osaka-Namba 10:40 a.m. ฝากกระเป๋าที่ coin locker อีกเช่นเคย
   วันนี้ Osaka Amazing Pass ได้ทำงานแล้วครับ ขึ้นรถไฟใต้ดินทั้งหมด Route ที่เราไเที่ยวสามารถใช้ OAP ได้หมดทุกที่ค่าเข้าฟรีดังนี้ครับ (มีหลายที่ซื้อ pass ไปแล้วเลือกเลยจะไปไหนขอแค่มีแรงกับเวลา)
   - ไปปราสาทโอซาก้า
   - ไปหอคอย Tsutenkaku tower
   - ไป Ferris wheel ที่ห้าง HEP FIVE และเล่นเครื่องเล่น 4D ล่องแก่ง มันส์มาก (ดีกว่า Sentosa Singapore เยอะเลย)
ตบทุกความเหนื่อยด้วยการกินปิ้งย่าง บุฟเฟต์คนละ 1,900 เยน/คน เยียวยาทุกความเอียน (+-+)
    แล้วกลับที่พักที่ Business Inn Sennechimae โลเคชัน รร. ดีอยู่ใจกลางย่าน Dotonburi เลย พักที่นี่ 2 คืน บอกเลยว่าไม่ต้องเชื่อ GPS ทัั้งหมด ถ้าพักที่นี่ฟังทางนี้ เดินไปตาม Namba walk ให้ถึงทางออกที่ 26 แล้วขึ้นไป เปิด GPS หา รร. มันจะอยู่แถวๆนั้นเลย ค่า รร. ประมาณ 5,100 ฿/2 คืน
Note : ใช้ pass นี้ทั้งวันจะคุ้มมากๆถ้ามีเวลานะ เรามีเวลาแค่ครึ่งวันก็รู้สึกว่ามันคุ้มโคตรแล้ว

@17-Jan-18
   วันที่เรารอคอยก็มาถึง...ไปโรงเรียนพ่อมดแม่มด Harry Potter ที่ USJ มาที่นี่ไม่ยากจับจุดหลักๆดังนี้ เราเสนอ route ที่เราไม่เสียตังค์สักบาทเพราะ Hokuriku pass ที่มีอยู่ดังนี้
  - เดินจาก รร. ใช้ทางเดินใต้ดิน Namba walk เดินไปตามทางดูป้าย JR Namba แล้วก็เดินเข้าไปในชานชาลา (บัตร Hokuriku pass เบ่งไป) ขึ้นรถไฟไหนก็ได้เพราะมันจะวิ่งออกจาก JR-Namba ทั้งหมด
  - ลงที่ Imamiya แล้วหารถไฟที่ไป สถานี Nishikujo
  - ถึง Nishikujo ไม่ต้องกังวลดูคนเยอะๆว่าไปไหนกัน (เราสังเกตคนที่ใ่ชุด Minion เอ็งไปไหนข้าไปด้วย) มองหาสายรถที่ไป Universal City แค่นั้นเราก็จะมาโผล่ที่ USJ แล้ว ไม่เสียตังสักบาท
โชคไม่ดีนิดนึงวันที่เรามาฝนตก แต่ไม่เปนไรชีวิตต้องลุย!!!
   Express pass ที่ซื้อมาใช้ได้คุ้มมากทำให้เรามีเวลาไปเล่นเครื่องเล่นอื่นๆอีกมากมาย แต่พวกเครื่องเล่นกลางแจ้งวันนี้จะปิดเป็นระยะ เพราะฝนตก
คำถามที่เจอ : จะเข้าไป Zone Harry Potter ได้กี่โมงต้องกดบัตรคิวมั้ย แถวยาวมั้ย? (มันกังวลมาก)
คำตอบ : ตอนนี้ Jan-2018 Harry Potter Zone เปิดเป็น Zone เปิดแล้วไม่ต้องต่อคิวเข้าหมู่บ้านแล้ว อยากเข้า Hoggmeet ตอนไหนก็ตามใจเราเลย แต่การเข้าปราสาทไปเล่น Forbidden Journey หรือ Hippogrip ต้องต่อคิวยาวมากๆๆๆๆๆ แต่ถ้ามา Express pass ไปก็ใช้ให้มันทำงานซะเลย!!!




Note : เราสองคนหมดค่ากินต่างๆในทริปนี้ไม่เกิน 9,000 บาท (ไม่เน้นกิน เน้นเที่ยว พักไม่ได้หรู แต่ก็อยู่ได้)
 
   สุดท้ายแล้วความสนุกต่างๆก็หมดลง แต่ได้ความสุขจากการเดินทางเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ มันเยียมยอดมากๆ วิวที่เกิดขึ้นจากทั้ง 2 ข้างทางคือประสบการณ์ที่อยู่กับเราตลอดไป
    รีวิวนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการเดินทางไปเที่ยวที่ Shirakawago - Osaka ยังมี route อีกหลายทางที่เพื่อนๆสามารถเลือกไปได้ นำไปเป็น guideline สำหรับวางแผนได้เลยนะ ยินดีมากๆ
แล้วเจอกันใหม่ในทริปต่อๆไปนะ.................................